น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ (29 มี.ค.65) คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร-บ้านฉาง ตอนกรุงเทพมหานคร-เมืองพัทยา
รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 34 (บางวัว) ทางแยกเข้าชลบุรี
ทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง ทางแยกเข้าพัทยา และตอนบ้านหนองปรือ-บ้านฉาง รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 (บ้านอำเภอ) ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร(ถนนกาญจนาภิเษก)ตอนพระประแดง-บางแค ช่วงพระประแดง-ต่างระดับบางขุนเทียน และตอนบางปะอิน-บางพลี ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2565 นี้ ตั้งแต่เวลา 00.01 น.ของวันที่ 12 เมษายน ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 18 เมษายน 2565 เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเดินทางบนทางหลวงพิเศษในช่วงเทศกาลดังกล่าว
ทั้งนี้ เนื่องจากวันหยุดราชการประจำปีกำหนดให้วันที่ 13-15 เมษายน 2565 เป็นวันหยุดสงกรานต์ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 13-17 เมษายน 2565 รวม 5 วัน ซึ่งคาดหมายว่าจะมีประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นผลให้การจราจรติดขัดในทุกสายทางที่ออกและเข้ากรุงเทพมหานครและปริมณฑล
โดยเฉพาะหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางจะมีปัญหาการจราจรติดขัดหลายกิโลเมตร เนื่องจากประชาชนรอชำระค่าธรรมเนียมผ่านทาง โดยคาดว่าจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 147 ล้านบาท โดยคาดการณ์จากปริมาณจราจรช่วงการดำเนินมาตรการดังกล่าวประมาณ 4,190,425 คัน แต่จะก่อให้เกิดผลประโยชน์ตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจประเมินเป็นมูลค่าเงินได้ประมาณ 205 ล้านบาท ซึ่งประเมินจากมูลค่าการประหยัดค่าใช้จ่ายการใช้รถและมูลค่าจากการประหยัดเวลาในการเดินทาง
นอกจากนี้ยังมีผลประโยชน์ที่ไม่สามารถประเมินเป็นมูลค่าเงินได้รวมอยู่ด้วย เช่น ความสะดวก รวดเร็ว และความปลอดภัยในการเดินทาง เป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว และลดมลพิษทางอากาศ
ขณะเดียวกัน ครม.ยังได้รับทราบกรณีการทางพิเศษแห่งประเทศไทยยกเว้นการเก็บค่าผ่านทางพิเศษในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ด้วยเช่นกัน โดยยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี) ทางยกระดับด้านทิศใต้สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถี และทางเชื่อมต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) กับทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก(บางพลี-สุขสวัสดิ์) และทางพิเศษสายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนอุตสาหกรรมกับทางพิเศษกาญจนาภิเษก ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 12 เมษายน ถึงเวลา 24.00 น. วันที่ 18 เมษายน 2565
สำหรับทางพิเศษบูรพาวิถีคาดว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีปริมาณจราจรรวม 7 วันจำนวน 987,028 คัน รายได้ที่ไม่ได้เรียกเก็บจำนวน 38 ล้านบาท ส่วนผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจำนวน 76 ล้านบาท ขณะที่ทางพิเศษกาญจนาภิเษก(บางพลี-สุขสวัสดิ์) คาดว่าจะมีปริมาณการจราจรรวม 7 วันจำนวน 1,363,565 คัน รายได้ที่ไม่ได้เรียกเก็บ 58 ล้านบาท และผลประโยชน์ที่จะได้รับจำนวน 70 ล้านบาท
‘ประยุทธ์’ ปลื้ม ไทย-ซาอุ เซ็น ข้อตกลงร่วมด้านแรงงาน
โฆษกสำนักนายก เผย ประยุทธ์ ปลื้มหลัง ไทย และ ซาอุ สามารถเซ็น ข้อตกลงร่วมด้านแรงงาน คาดส่งแรงงานกลุ่มแรกในอีก 3 เดือน นาย ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมกรณีที่วานนี้ (28 มีนาคม 2565) กระทรวงแรงงานของไทยได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านแรงงานร่วมกับกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมซาอุดีอาระเบีย
โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของไทย และ นายอะห์หมัด บิน สุไลมาน อัลรอยิฮี (H.E. Eng. Ahmad Sulaiman ALRajhi) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมซาอุดีอาระเบีย ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงความร่วมมือด้านแรงงาน จำนวน 2 ฉบับ ด้วยกัน ได้แก่ 1. ความตกลงว่าด้วยการจัดหาแรงงานระหว่างกระทรวงแรงงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และ 2. ความตกลงว่าด้วยการจัดหาแรงงานในบ้านระหว่างกระทรวงแรงงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
นายธนกรฯ กล่าวว่า ความตกลงที่ได้ลงนามนี้ ให้ความสำคัญกับการจัดหาแรงงานไทยไปทำงานในประเทศซาอุดีอาระเบียอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ปกป้องคุ้มครองสิทธิของแรงงานและนายจ้าง รวมถึงการบังคับใช้กฎระเบียบ สัญญาจ้างงานระหว่างกันที่เป็นธรรม แรงงานได้รับค่าจ้าง สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย ซึ่งการลงนามครั้งนี้ เป็นผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมจากการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25-26 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา เนื่องจากฝ่ายซาอุดีอาระเบียมีความต้องการแรงงานไทย และความร่วมมือนี้จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องชาวไทยที่ต้องการเดินทางไปทำงานที่ซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นผลประโยชน์ร่วมกันจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย เพราะเชื่อมั่นว่ายังมีโอกาสและช่องทางเพิ่มการทำงานร่วมกันในอีกหลายมิติ ซึ่งจะส่งผลประโยชน์ให้กับประเทศ และประชาชนไทยอีกมาก ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีไม่เพียงต้องการให้ประชาชนไทย และแรงงานที่ตรงกับความต้องการของซาอุดีอาระเบียมีงานทำ มีรายได้เท่านั้น แต่ต้องการให้พี่น้องแรงงานชาวไทยได้รับการดูแลอย่างปลอดภัย ได้รับการคุ้มครอง ได้พัฒนาทักษะซึ่งจะเพิ่มโอกาสให้แรงงานไทย และประเทศไทยอีกด้วย ทั้งนี้ ขอบคุณกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขานรับนโยบายรวดเร็วเห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป