ทางการ ไต้หวัน สั่ง กักตัว ประชาชนกว่า 5 พันคน หลังเจอผู้ป่วยโควิดที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลในเมือง เถาหยวน แล้ว 19 ราย เมื่อวันที่ 24 มกราคม สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขไต้หวันได้สั่งให้ประชาชน 5,000 คนให้เข้ากักตัว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากที่มีการตรวจพบการแพร่ระบาดที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล 19 ราย
จำนวนผู้ที่ถูกสั่งกักตัวในรอบนี้ถือว่าเป็นจำนวนที่มากกว่าประชาชนที่กำลังเข้าตัวเกือบ 3 เท่า
โดยจำนวนประชาชนที่เข้ารับการกักตัวอยู่ที่บ้านในขณะนี้อยู่ที่ราวๆ 1,300 คน ก่อนหน้านี้ทางการตรวจพบจำนวนผู้ป่วย 15 ราย จากเมือง เถาหยวน เมืองทางตอนเหนือของไต้หวัน ซึ่งจากการค้นพบดังกล่าวทำให้ทางการได้สั่งยกเลิกงานที่จะมีการรวมตัวของประชาชนเป็นจำนวนมาก อย่างตรุษจีนที่จะถึงนี้
รัฐบาลไต้หวัน ถือเป็นรัฐบาลที่ได้รับคำชมว่าเป็นหนึ่งในรัฐบาลที่สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดีที่สุดในโลก เนื่องจากมีการใช้มาตรการสกัดโควิด-19 ที่รวดเร็วและเฉียบขาด ขณะนี้ไต้หวันมียอดผู้สะสมเกือบ 900 ราย และมีผู้เสียชีวิต 7 ศพ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
ศาสตราจารย์ในประเทศ ฝรั่งเศส ออกมาแนะนำให้รัฐบาลรีบใช้มาตรการ ล็อกดาวน์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด หลังเจอผู้ติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์มากขึ้น เมื่อวันที่ 25 มกราคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า ศาสตราจารย์ ฌอง ฟร็องซัว เดลไฟซี หัวหน้าสภาวิทยาศาสตร์ในประเทศฝรั่งเศสได้ออกมาแนะนำให้รัฐบาลรีบใช้มาตรการล็อกดาวน์ครั้งที่ 3 เพื่อเร่งควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ในขณะนี้ยอดผู้ป่วยใหม่เพิ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง
ศาตราจารย์คนดังกล่าวระบุว่า ในขณะนี้ประเทศกำลังอยู่ในช่วงภาวะฉุกเฉิน และในสัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์ที่สาหัสสำหรับประเทศฝรั่งเศส ซึ่งจากการสำรวจข้อมูลพบว่าในมีผู้ป่วยราวๆร้อยละ 7-9 ที่ป่วยเป็นโควิดกลายพันธุ์ชนิดอังกฤษ ซึ่งสามารถแพร่ระบาดได้เร็วกว่าโควิดทั่วไป และจะเป็นเรื่องยากที่จะหยุดการแพร่ระบาด
ซึ่งเขากล่าวว่า หากไม่มีนโยบายที่เข้มงวดกว่านี้ ประเทศฝรั่งเศสจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากในช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้
โดยทางการฝรั่งเศสได้ประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และพยายามหลีกเลี่ยงที่จะใช้มาตรการล็อกดาวน์ อย่างไรก็ตามทางการฝรั่งเศสมีกำหนดที่จะเข้าหารือในวันพุธที่จะถึงนี้ เพื่อตัดสินใจว่าจะเพิ่มมาตรการป้องกันโควิดหรือไม่ ขณะนี้ประเทศฝรั่งเศสมียอดผู้ป่วยสะสมมากกว่า 3 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสแล้วอย่างน้อย 7 หมื่นศพ
สื่อ เผย ยอดคนดู พิธีสาบานตนไบเดน มากกว่าของ ทรัมป์
สื่อเปิดเผยว่า มี ยอดคนดู พิธีสาบานตนไบเดน ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมาอยู่ที่ราวๆ 40 ล้านคน ถือเป็นจำนวนตัวเลขที่มากกว่านาย ทรัมป์ เมื่อวันที่ 22 มกราคม สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า ยอดผู้รับชมพิธีสาบานตนของ นาย โจ ไบเดน ผ่านโทรทัศน์ เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา อยู่ที่ราวๆ 40 ล้านคน
โดยจำนวนตัวเลขนี้นับเฉพาะเครื่อข่ายโทรทัศน์เพียงแค่ 6 แห่งได้แก่ ABC, CBS, NBC, ฟ็อกซ์ นิวส์, CNN และ MSNBC เท่านั้น และยังไม่ได้มีการนับรวมผู้ชมที่ชมพิธีสาบานตนผ่านทาง ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก หรือ ยูทูป ที่ทำการถ่ายทอดสด เช่นเดียวกัน
ซึ่งถือเป็นจำนวนที่มากกว่าจำนวนผู้ชมพิธีสาบานตนของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี ราวๆร้อยละ 4 ขณะที่พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของนาย บารัค โอบามา ประธานาธิบดีผิวดำคนแรกของประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้รับชมมากกว่า 51 ล้านคน
กูเกิ้ล ขู่ หยุดให้บริการ ใน ออสเตรเลีย หลังจากที่รัฐบาลออสเตรเลีย สั่งให้ กูเกิ้ล แบ่งเงินให้กับสำนักข่าว หลังสำนักข่าวรายได้ลดลง 75% เมื่อวันที่ 22 มกราคม สำนักข่าว บีบีซี นาย เมล ซิลวา ผู้บริหารฝ่ายจัดการของกูเกิ้ลในออสเตรเลีย ได้ออกมากล่าวว่า กูเกิ้ล อาจต้องหยุดให้บริการในออสเตรเลีย หลังจากที่ทางการเตรียมออกกฎให้กูเกิ้ลต้องแบ่งเงินรายได้กับเว็ปไซต์ข่าว เนื่องจากสำนักข่าวเป็นผู้ผลิตเนื้อหา
โดยกูเกิ้ลในออสเตรเลียระบุว่า กฎหมาย ดังกล่าวจะทำให้พวกเขาไม่สามารถทำงานได้ พร้อมชี้ว่ากฎหมายข้อดังกล่าวเป็นเรื่องยุ่งยาก
ด้าน นาย สกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียได้กล่าวว่า ทางการเป็นฝ่ายกำหนดว่ากูเกิ้ลสามารถทำอะไรในประเทศพวกเขาได้บ้าง และขอขอบคุณผู้ที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาล พร้อมระบุว่าพวกเขาจะไม่ยอมจำนนต่อคำขู่ของกูเกิ้ล
กฎหมายฉบับนี้ถูกเสนอขึ้น เพื่อช่วยเหลือ สำนักข่าว ที่มีรายได้โฆษณาลดลงถึงร้อยละ 75 ตั้งแต่ช่วงปี 2548 ส่งผลให้สำนักข่าวในออสเตรเลียหลายแห่งต้องปิดตัว หรือ ลดจำนวนพนักงานลง ซึ่งทางรัฐบาลออสเตรเลียมองว่าผู้ใช้บริการกูเกิ้ลส่วนใหญ่ ใช้เว็ปไซต์เพื่ออ่านข่าว จึงให้กูเกิ้ลจ่ายเงินให้กับสื่อสำนักต่างๆ โดยทางรัฐบาลเชื่อว่า สื่อมวลชน ยังเป็นพื้นฐานสำคัญในการปกป้อง ประชาธิปไตย อีกด้วย
ทั้งนี้หากดูตามกฎเกณฑ์ของ WHO แล้วจะพบว่ามีบางโรคที่ขัดแย้งกับกฎระเบียนของ WHO เช่น ไข้หวัดหมู เป็นต้น
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป